พลพรรคหงส์แดงแชมป์เก่าที่ชูถ้วย UCL ซัมเมอร์ปีที่แล้ว จากประตูโทนของซาอูล ญีเกซตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งอดีตเด็กเก่าหงส์แดง ได้แสดงความเห็นว่าลิเวอร์พูลยังมีโอกาสกลับมาได้ในเกมที่สอง โอเว่นมองว่าเกมที่แพ้ 1-0 นี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าผิดหวังเท่าไหร่ และแม้ว่ากุนซือชาวเยอรมัน เหมือนจะถอดใจเปลี่ยนตัว โม ซาลาห์และซาดิโอ มาเน่ออกไปก็ตาม
โอเว่นมองว่า ทีมไหนๆ ก็มีโอกาสแพ้ได้หากเป็นฝ่ายมีสกอร์ตามหลัง เกมการแข่งขันยังมีสองเลก ซึ่งคุณต้องอดทนและมองไปข้างหน้า ผมไม่คิดว่าสกอร์แบบนี้จะผิดหวังเท่าไหร่ ผมมองว่าการที่เจอร์เก้น คล็อปป์เปลี่ยนตัวสองกองหน้าออก เป็นเพราะเขาไม่แคร์กับสกอร์ที่ตามหลังหนึ่งลูกเลย
ซาดิโอ มาเน่ไม่มีอาการเจ็บ แต่เขามีคาดโทษใบเหลืองอยู่และเหมือนจะทำฟาวล์ผู้เล่นทีมตราหมีเล็กน้อย ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการได้รับใบแดง ซึ่งโอเว่นเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
จากเกมที่เสียประตูเมื่อคืนนับว่าเป็นประตูแรกที่หงส์แดงเสียในรอบ 380 นาที ประตูที่เสียนาทีที่ 4 จากจังหวะเตะมุมบอลมาเข้าเท้าฟาบินโญ่ที่ไม่ทันตั้งตัว และบอลไปเข้าทางซาอูลซัดเข้าไป
หงส์แดงต้องตกเป็นเหยื่อ แอตเลติโก มาดริดจากการที่ทีมเจ้าบ้านยิงเข้ากรอบเพียงสองครั้ง และมีสถิติที่น่าสะพรึงคือเมื่อ ซาอูล ญีเกซซัดประตู ทีมขาว-แดงทีมนี้ไม่เคยแพ้ แบ่งเป็นชนะ 32 เสมอ 4 นัด
เมื่อยิงประตูได้ ทีมจากสเปนก็ลงไปเล่นตั้งรับตามปกติ มาเน่มีจังหวะดวลกับซิเม่ เวอร์ซัลโก้ตลอดเกม ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเรนาน โลดี้ทำหน้าที่ได้ดีเมื่อประกบซาลาห์จนอยู่หมัด
เจ้าบ้านได้เล่นเกมรับตามสไตล์ที่ถนัด แต่ลูกทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ยังเฮได้ไม่สุดเพราะได้เปรียบอยู่แค่ประตูเดียว และนั่นทำให้ลิเวอร์พูลชุดใหญ่ลิ้มรสความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี (หลังแพ้แมนซิตี้ที่อิตติฮัดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2019)
โจ โกเมซเป็นสิบเอ็ดผู้เล่นในวันนี้เพียงคนเดียว ที่เมื่อนัดชิง UCL ปีที่แล้วเขาไม่ได้ลงสนามให้หงส์แดง ซึ่งความพ่ายแพ้เกมนี้ของลิเวอร์พูลทำให้พวกเขาได้รู้ว่า สักวันพวกเขาก็ต้องแก้อยู่ดีและจะได้เตรียมตัวก่อนเกมพบเอฟเวอร์ตันในพรีเมียร์ลีกต่อ
เรื่องนี้ถูกเขียนใน ข่าวกีฬา และติดป้ายกำกับ ข่าวกีฬาที่น่าสนใจ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร